Welcome Guest! To enable all features please try to register or login.
3 Pages<123>
Post Reply

แดนอาทิตย์อุทัย
ความเห็นที่ 15 Posted : Friday, August 10, 2012 3:31:52 AM(UTC)
Quote
Guest

Rank: Guest

Groups: Guests
Joined: 5/6/2012(UTC)
Posts: 97,251

Was thanked: 7 time(s) in 7 post(s)
พ่อแม่ผมบอกมีครอบครัวก็ย้ายๆออกไปกันอย่ามาอยู่ด้วยกันเดี๋ยวจะทะเลาะกันเปล่าๆ
สาเหตุเพราะเมื่อก่อนพ่อแม่ผมโดนว่าโดนด่า ของทุกอย่างเราซื้อทุกคนในบ้านใช้
วันนึงน้องสะใภ้มาใช้แก๊สพอแม่ผมพูดนิดนึงอาม่าด่าและไล่ออกจากบ้าน น้องชายพ่อเอาปืนไล่ยิง
แม่ผมมีพี่คนโตไม่มีเงินกินข้าวต้องไปขอโจ้กให้พี่คนโตกิน
ทุกวันนี้ผมถึงรักครอบครัวผมมาก ไหว้พระขอพรก็ให้แต่ครอบครัว
แต่ผมคิดไว้แล้วผมคงไม่แต่งงานมีลูกอยู่ดูแลพ่อแม่ดีกว่า แต่เกิดวันนึงรวยขึ้นมาอาจรับเด็กมาเลี้ยง^^
ทุกวันนี้อาม่าผมดีกะแม่ผมละ เพราะแม่ผมเก่งทั้งงานนอกงานในแถมบอกช่วยดูแลลูกชายเค้าด้วยเค้าห่วง ฮ่าาา

ผมว่าพ่อแม่จขกท.คงเข้าใจแหละคนเราต้องมีครอบครัวเป็นของตัวเอง แถมอยู่กันเยอะก็ไม่พอใจกันง่ายปัญหาจะตามมานานๆไปจะใหญ่โตมองหน้ากันไม่ติดเลย

กินเยอะจะปวดท้อง
ความเห็นที่ 16 Posted : Friday, August 10, 2012 3:32:25 AM(UTC)
Quote
Guest

Rank: Guest

Groups: Guests
Joined: 5/6/2012(UTC)
Posts: 97,251

Was thanked: 7 time(s) in 7 post(s)
รู้สึกผิดมาตลอด แต่ว่าข้อดีมันมีมากกว่าเยอะเลย สบายใจ สบายตา ความรู้สึกว่ามีที่มีทางมีบ้านเป็นของตัวเองจริงๆมันเยี่ยมมากๆ

ยังไงที่บ้านพ่อกับแม่ก็ยังมีน้องชาย และครอบครัวพี่ชายอยู่ด้วย คุณไม่อยู่ พวกท่านก็ไม่เหงามากหรอกค่ะ

คุณจะรู้สึกผิดมากกว่านี้ทำให้พ่อแม่คาดหวังว่าคุณจะไปเยี่ยมทุกอาทิตย์ แต่คุณทำไม่ได้ ซึ่งตรงนี้มีความเป็นไปได้เยอะมากเลยที่คุณจะไปเยี่ยมไม่ได้บ่อยเท่าที่คิดอะ

สนับสนุนให้ย้ายออก ข้อดีมันเยอะกว่าจริงๆนะ


Posted via Android (El Fuego)
ความเห็นที่ 17 Posted : Friday, August 10, 2012 3:46:28 AM(UTC)
Quote
Guest

Rank: Guest

Groups: Guests
Joined: 5/6/2012(UTC)
Posts: 97,251

Was thanked: 7 time(s) in 7 post(s)
แค่ 15 กิโลเองครับ ไม่ไกลเลย อย่าคิดมาก


ไม้ไต่คู้
ความเห็นที่ 18 Posted : Friday, August 10, 2012 5:05:29 AM(UTC)
Quote
Guest

Rank: Guest

Groups: Guests
Joined: 5/6/2012(UTC)
Posts: 97,251

Was thanked: 7 time(s) in 7 post(s)
ตอนแยกออกมาแรกๆ ก็คิดถึงบ้านเก่าอ่ะค่ะ คิดถึงแม่ คิดถึงกับข้าวที่แม่ทำ T_T
แต่ว่าชีวิตคนเราต้องก้าวเดิน ตอนนี้ปรับตัวกับบ้านใหม่ได้แล้ว มีความสุขดีค่ะ กลับไปเยี่ยมบ้านบ้างเดือนละครั้ง


ป้อม (Bgate)
ความเห็นที่ 19 Posted : Friday, August 10, 2012 5:24:59 AM(UTC)
Quote
Guest

Rank: Guest

Groups: Guests
Joined: 5/6/2012(UTC)
Posts: 97,251

Was thanked: 7 time(s) in 7 post(s)
เป็นวิถีทางครับ

ผู้หญิงอยู่รวมกัน ส่วนมากทะเลาะกันมากกว่ารักกันครับ

พี่สาว น้องสาว พี่สะใภ้ แม่สามี

ผมว่า คุณอยู่บ้านใหม่ก็ไปรับพ่อแม่มานอนบ้าง เป็นครั้งคราว แล้วก็แวะไปหาท่านบ่อยๆ


javabean
ความเห็นที่ 20 Posted : Friday, August 10, 2012 6:04:41 AM(UTC)
Quote
Guest

Rank: Guest

Groups: Guests
Joined: 5/6/2012(UTC)
Posts: 97,251

Was thanked: 7 time(s) in 7 post(s)
ผู้หญิงอยู่รวมกัน ส่วนมากทะเลาะกันมากกว่ารักกันครับ
ฮา ๆ อันนี้เห็นเยอะ... ถ้าครอบครัวไหน ลูกสะใภ้กับแม่สามี... อยู่แบบสงบสุข
ถือว่าโชคดี..มาก
ขนาดแม่กับลูกสาว ยังมีทะเลาะ
มีลูกสะใภ้มาเพิ่ม... ปวดหัว
แยกเพื่ออนาคต...


Lek_one (Lek_one)
ความเห็นที่ 21 Posted : Friday, August 10, 2012 6:23:00 AM(UTC)
Quote
Guest

Rank: Guest

Groups: Guests
Joined: 5/6/2012(UTC)
Posts: 97,251

Was thanked: 7 time(s) in 7 post(s)
เอาแบบหลานผมสิ เค้าซื้อบ้านแยกครอบครัวตัวเองออกมาเหมือนกัน แต่บ้านเค้าอยู่ห่างบ้านพ่อแม่ประมาณ 10 กิโลเมตร ทุกเย็นหลังกลับจากที่ทำงานก็แวะไปทานข้าวมือเย็น(ค่ำ)กับพ่อแม่เค้าทุกวัน (จันทร์-ศุกร์) ส่วนเสาร์หรืออาทิตย์(เค้าหยุดเสาร์เว้นเสาร์)ก็จะอยู่กับครอบครัวตนเอง หรือบางครั้งจะพาลูกสาวไปหาคุณปู่คุณย่า ทำอย่างนี้เป็นกิจวัตรประจำ ส่วนเรื่องเงินเค้าก็ส่งให้พ่อแม่ใช้ทุกเดือน หลานชายผม 3 คน ส่งเงืนให้พ่อแม่ใช้ทุกคน ให้เงินพ่อแม่ไปท่องเที่ยวเมืองนอกอยู่บ่อยๆ ทั้งที่พื้นฐานนะไม่ได้ร่ำรวยอะไรเลย พี่สาวลำบากมามากมาย เค้าสอนลูกเค้าได้ดีมากๆ เป็นเด็กกตัญญูทุกคน เรียนเก่ง อดทน ช่วยทำงานบ้านทุกอย่าง กวาดบ้าน ถูบ้าน ล้างจานสบายมาก จบมาก็ได้ทำงานดีๆเงินเดือนก็เยอะกันทุกคน
การที่คุณคิดอย่างนี้ถือว่ามีความกตัญญูดีอยู่แล้ว ก็หมั่นมาเยี่ยมมาหาบ่อยๆสิครับ บ้านก็ไม่ไกลมาก ทำให้เค้ารู้สึกอบอุ่นถึงคุณจะแยกออกไป ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา เดี๋ยวนี้อยู่ไกลกันคนละประเทศยังติดต่อกันง่ายมากแบบเห็นหน้าเห็นตาสบายๆ แสดงความกตัญญูได้หลายวิธีครับ (บางคนแทบจะไม่เคยโทรศัพท์คุยกับพ่อแม่เลย ไม่เคยบอกความรู้สึกห่วงใยกับท่าน บางคนอายที่จะพูด บางคนมากล้าที่จะพูดตอนท่านจากไปแล้วไม่มีประโยชน์อะไรเลย)ไม่จำเป็นว่าต้องอยู่ใกล้ชิดกันทุกวัน มีตัวอย่างให้เห็นอยู่เยอะแยะว่าอยู่ในบ้านเดียวกัน แต่ไม่มีความกตัญญูต่อพ่อแม่เลยสักนิด ตัวไกลใจใกล้ครับ ดีกว่าตัวใกล้ใจไกลเป็นพันไมล์ แสดงให้เห็นสิครับว่าถึงตัวอยู่ไกลออกไปหน่อย แต่ก็ทำให้พ่อแม่รู้สีกได้ว่าความอบอุ่นที่เคยมีมันไม่ได้จากออกด้วย แต่มันรู้สึกแน่นแฟ้นมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ เหมือนราวกับว่าเราไม่ได้จากไปไหนเลย อยู่ครงนี้ใกล้ๆที่นี่.....ที่ใจนี่เอง

11
ความเห็นที่ 22 Posted : Friday, August 10, 2012 6:32:30 AM(UTC)
Quote
Guest

Rank: Guest

Groups: Guests
Joined: 5/6/2012(UTC)
Posts: 97,251

Was thanked: 7 time(s) in 7 post(s)
เห็นหลายกระทู้ บอกว่าถูกต้อง เพราะคุณยังไม่แก่ ลูกยังไม่โต

ถ้าเวลานั้นมาถึงจริง ๆ คุณจะรู้สึก แบบเดียวกับพ่อแม่ ที่รู้สึกในวันนี้
ทำไม การอยู่กับพ่อแม่ มันแย่มาก ขนาดนั้นหรือ แล้วคุณโตมาในครอบครัว
แบบนี้ได้อย่างไร??? ทำไม ก่อนแต่ง คุณไม่รู้สึกอึดอัด อยากอิสระเสรี ???

เราเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ พี่ชายแยกบ้านไป ทั้ง ๆ เป็นลูกชายคนเดียว
พ่อร้องไห้ แม่ก็ร้องไห้ เศร้ามาก และเป็นเหตุหนึี่งที่ทำให้แม่ เป็นคนขี้วิตก
กังวล ซึมเศร้า มาตลอด ทั้ง ๆ ที่ตอนอยู่ด้วยกัน ไม่มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งนะ
บ้านก็ไม่จน

เพียงแค่ เมียของพี่ กับพี่ชาย อยากเป็นอิสระเท่านั้นเอง แล้วทำไม ไม่ขอเป็นอิสระ
ตั้งแต่เด็ก ยังหางานทำงานไม่ได้นะ แปลกจริง ๆ


longtime
ความเห็นที่ 23 Posted : Friday, August 10, 2012 6:44:37 AM(UTC)
Quote
Guest

Rank: Guest

Groups: Guests
Joined: 5/6/2012(UTC)
Posts: 97,251

Was thanked: 7 time(s) in 7 post(s)
ที่บ้านพ่อกับแม่ บอกไว้เลย ถ้าจะแต่งงานมีครอบครัว ถือว่ามีความรับผิดชอบ

กรุณาตั้งรกรากชีวิตใหม่ และน้องๆ ยังอาศัยอยุ่ได้

ปล.พอดีบ้านหลังเล็ก เลยไม่สามารถให้อยุ่รวมกันได้

แล้วแต่ครอบครัวจริงๆ

แต่ตอนนี้ พ่อกับแม่กลับอยากไปอยุ่ ตจว ให้ลูกๆ อยุ่กันเองในกทม ขอให้กลับไปเยี่ยม แค่นั้น


หน้าตาเหรอหราเชียวนะเรา
ความเห็นที่ 24 Posted : Friday, August 10, 2012 8:28:53 AM(UTC)
Quote
Guest

Rank: Guest

Groups: Guests
Joined: 5/6/2012(UTC)
Posts: 97,251

Was thanked: 7 time(s) in 7 post(s)
ปัญหานี้เหมือนกันเลย ยังคิดไม่ตก ของเราไม่ใช่แค่พ่อแม่ ยังญาติผู้ใหญ่อีกสองสามคน
เคยคิดว่า หรือจะซื้อทาวเฮ้าสน์เล็กๆ ซักสองห้องในหมู่บ้านเดียวกันให้เขาย้ายมาอยู่ใกล้ๆ เรา ดี แต่ก็ติดเรื่องทุนทรัพย์
แถมบ้านแฟนเราไกลจากที่เดิมมาก บอกให้แฟนมาซื้อใกล้ๆบ้านเรา ก็แพงเกิน เฮ้อ
เข้ามาบ่น ไม่ไ่ด้ช่วยอะไรคุณ จขกท เลย :)


แมวป่วนก๊วนซ่า
ความเห็นที่ 25 Posted : Friday, August 10, 2012 5:16:06 PM(UTC)
Quote
Guest

Rank: Guest

Groups: Guests
Joined: 5/6/2012(UTC)
Posts: 97,251

Was thanked: 7 time(s) in 7 post(s)
ต่างกับบ้านเราเลยค่ะ บ้านเราใครแต่งงานต้องย้ายออก แม่บอกว่าความเคยชินของคนที่อยู่มาก่อนก็สำคัญ ความเป็นส่วนตัวของคนแต่งงานแล้วก็สำคัญ

ส่วนตัวเราก็อย่างคุณความเห้น2เลยค่ะ นานๆเจอกันทีหรือเจอกันแล้วแยกย้านกลับไปอยู่บ้านตัวเองดีกว่า


พ่อเจ้าประคุณรุนช่อง
ความเห็นที่ 26 Posted : Friday, August 10, 2012 5:27:21 PM(UTC)
Quote
Guest

Rank: Guest

Groups: Guests
Joined: 5/6/2012(UTC)
Posts: 97,251

Was thanked: 7 time(s) in 7 post(s)
ก่อนจะตอบ .. ต้องบอกว่าแต่ละครอบครัวมีความคิด มีทัศนคติ มีการเลี้ยงดูมาที่แตกต่างกัน
ที่จะตอบต่อไปนี้ คือบ้านเรา ครอบครัวเราเท่านั้นนะคะ กับครอบครัวอื่นอาจจะไม่ใช่แบบนี้ หรือไม่ได้คิด ไม่ได้เป็นแบบนี้


เริ่มที่บ้านเราก่อน .. บ้านเราเป็นคนจีน อาม่าจีน 100% พ่อแม่ก็ไทยจีนละ พี่ชายเราแต่งก่อน .. ซึ่งก่อนแต่งก็ไม่ได้จะอยู่บ้านประจำอยู่แล้ว เพราะทำงานในเมือง ก็ซื้อคอนโดอยู่
พี่ชายอีกคน พี่สาวอีกคน ก็อยู่คอนโดกันหมด แต่เสาร์อาทิตย์ พี่น้องจะกลับมาบ้านพ่อแม่ แล้วก็นอนค้างกัน มีความสุขดีค่ะ พ่อแม่เราก็แฮปปี้ ไม่ได้มีความรู้สึกที่จะต้องมารั้งลูกไว้ให้อยู่กับตัวตอนแก่
พ่อเรา อาม่าเรา ผ่านช่วงที่ไม่สบาย มีต้องเข้ารพ. ผ่าตัดใหญ่เป็นว่าเล่น อาม่าเส้นเลือดในสมองตีบ แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ มีลูกหลานคอยดูแลตลอดไม่เคยขาด กำลังจะบอกว่าการรั้งลูกหลานไว้ให้อยู่กับบ้าน อยู่กับตัวเพื่อจะได้อยู่ดูแล ไม่ได้แปลว่าลูกหลานที่ออกมาอยู่เองข้างนอกจะไม่กลับไปดูแลค่ะ ของอย่างนี้มันอยู่ที่คน อยู่ที่ความคิด และการกระทำของลูกหลานเองทั้งนั้น
การกลับไปบ้านทุกอาทิตย์ ก็ไม่ได้มีพ่อแม่มานั่งโทรตามว่าจะมาบ้านมั้ยลูก มีแต่ลูกๆกลับมาบ้านพ่อแม่เอง โดยไม่ได้มีใครร้องขอ หากใครไม่ว่าง พ่อแม่เราก็จะบอกว่า ไม่เป็นไรลูก ไม่ว่างไม่ต้องมาหรอก จัดการธุระให้เรียบร้อยไปดีกว่า
บ้านเราเป็นแบบนี้ จนเราแต่งงานออกมาอยู่บ้านสามี (ที่มีพ่อแม่สามีอยู่ด้วย) พ่อแม่เราไม่เคยโทรตาม หรืออะไร บ้านเราเลี้ยงลูกแบบอิสระ ไว้ใจ และเชื่อใจ และรู้ว่าลูกตัวเองเป็นคนอย่างไร
และเราก็รู้สึกว่าการที่พ่อแม่ไม่โทรตาม ไม่ได้แปลว่าเค้าไม่รัก ไม่ห่วง เพียงแต่เค้าเชื่อว่าเราดูแลตัวเองได้ดีมากพอแล้ว แต่ถึงเวลาถ้าเราต้องการคำแนะนำ เราจะปรึกษาเค้าเอง :)




อย่างที่รู้ๆกัน แม่สามี กับลูกสะไภ้ .. เราไม่ได้เจอปัญหานี้นักหนามากนัก ถ้าเทียบกับคนอื่นๆที่เห็นมาเล่าๆให้ฟังกันตามห้องชานเรือน แต่สุดท้ายเราก็คุยกับสามี ขอแยกออกมาอยู่เองเป็นส่วนตัว
คำว่า "ขอแยกออกอยู่เป็นส่วนตัว" ไม่ได้แปลว่า "จะอกตัญญู" นะคะ ขอให้เข้าใจใหม่อีกครั้ง เราแยกออกมาอยู่ เพื่อที่เราจะมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ต้องบอกว่าการแต่งงานแล้วเข้าไปอยู่บ้านสามี หรือในทางกลับกันผู้ชายต้องเข้าไปอยู่บ้านผู้หญิง มันไม่โลกสวยขนาดนั้นค่ะ :)
เราย้ายออกมาได้ 1 เดือนแล้ว ตอนซื้อบ้านเราเจอกันครึ่งทางกับสามี คือเราต้องการซื้อบ้านแยกออกมาอยู่กัน 2 คน แต่สามีสามารถเลือกบ้านที่อยู่ใกล้บ้านเดิมเค้าได้เท่าที่เค้าต้องการ (แต่เรื่อง Spec บ้านเราขอพิจารณาด้วย)
และเราไม่ได้เรียกร้อง หรือมีความต้องการที่จะต้องไปหาซื้อบ้านที่อยู่ใกล้บ้านพ่อแม่เรา เพราะมันไม่จำเป็น เราสามารถขับรถไปหาเค้าได้ทันทีที่เค้าเรียกใช้ หรือถ้าจะไปหาเราก็ขับรถไปหาได้สบายๆ ไม่ได้เดือดร้อนอะไร 30 กิโล บนถนนวงแหวน ชิวๆ 45 นาทีก็ถึง

ตอนนี้เราแยกออกมาอยู่กันเองได้ 1 เดือนแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราก็แวะไปบ้านแม่สามีอาทิตย์นึง 2-3 วัน ตอนเย็นบ้าง ตอนกลางวันเสาร์อาทิตย์บ้าง แล้วแต่ว่าจะไปวันไหน วันไหนเลิกงานไม่ดึก ก็แวะไปกินข้าวบ้าน
ที่ผ่านมา แม่สามีไม่สบาย เลิกงานเสร็จ ก็บึ่งรถไปรับไปรพ. เสร็จแล้วก็พาไปส่งบ้าน เรากับสามีถึงได้แวะหาอะไรกินก่อนเข้าบ้าน
แม่สามีจากที่ตอนแรกเราสองคนกังวลว่าเค้าจะเสียใจที่เราย้ายออกมา หรือกังวลว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ แต่เราค่อยๆพูด และบอกถึงวัตถุประสงค์ของเรา และความตั้งใจของเรา และการกระทำหลังจากย้ายออกมาแล้ว สุดท้ายแม่สามีไม่ว่า ไม่ดราม่าอะไรเลย คอยซื้อต้นไม้ กระถางนั่นนี่มาให้เราปลูกที่บ้าน จะมีบ้างนิดหน่อย ก็อารมณ์คนแก่บางทีก็งอแงนิดๆหน่อยๆเป็นปกติ
ที่เล่ามาเสียยืดยาว .. เพียงเพื่อจะบอกอีกมุมมองนึง ว่าทุกอย่างอยู่ที่เราทำตัวค่ะ ลูกหลานอยู่บ้านเดียวกันกับพ่อแม่ ไม่ดูแลพ่อแม่มีเยอะไปค่ะ
ดังนั้นจะอยู่บ้านเดียวกัน หรือแยกออกมาอยู่ ไม่สำคัญเท่าการกระทำของคุณค่ะ ตราบใดที่คุณคิดว่าคุณแยกออกมาอยู่เอง แล้วคุณยังดูแลพ่อแม่อย่างที่เคยทำอยู่ ก็อย่าได้คิดอะไรมากเลย
คนเป็นพ่อแม่ โดยเฉพาะฝ่ายหญิง ยังไงก็ดีใจค่ะ ที่ลูกสาวได้มีบ้านแยกออกมาอยู่เอง ไม่ต้องอยู่ร่วมกับพ่อแม่สามี
คนเป็นพ่อแม่ของฝ่ายชายจะคิดอีกแบบ .. คือกลัวลูกชายไปดูแลเมียเสียหมด จนลืมแม่ ดังนั้นสิ่งที่ลูกผู้ชายควรทำคือ ในเมื่อคุณเลือกที่จะออกไปอยู่เองแล้ว จงอย่าทำให้แม่คุณรู้สึกว่าคุณรักเมีย มากกว่าแม่ ขอให้คุณดูแลแม่คุณเหมือนเดิม เสาร์อาทิตย์ มารับไปกินอะไรด้วยกัน มารับไปซื้อต้นไม้ ไปทำอะไรก็ได้ ที่แม่คุณชอบ โดยที่เมียคุณก็ควรจะมาด้วย เพื่อแสดงความเป็นลูกสะไภ้ที่ดี ไม่ใช่มาถึงก็แย่งความรักจากพ่อแม่เค้าไปหมด
ขอให้โชคดี .. จัดการปัญหาในใจให้ได้โดยไวนะคะ สู้ๆค่ะ :) ปล. ลืมบอกไปว่าหลังจากย้ายออกมาอยู่เอง เรากับสามีรู้สึกดีขึ้นมาก มีพื้นที่ส่วนตัว โดยเฉพาะเรา และกับแม่สามี แกก็โอเค ดูอารมณ์ดีด้วยซ้ำไป บางทีคนเราเจอกันทุกวัน กับ 2-3 วันเจอกันที มันมีอารมณ์ของความโหยหานะคะ จากที่จ้องจะพูดเรื่องปวดหัวใส่กัน ก็กลายเป็นการถามสารทุกข์ สุขดิบกัน ทำอะไรกินกัน เป็นต้น
mr.digital
ความเห็นที่ 27 Posted : Friday, August 10, 2012 7:23:56 PM(UTC)
Quote
Guest

Rank: Guest

Groups: Guests
Joined: 5/6/2012(UTC)
Posts: 97,251

Was thanked: 7 time(s) in 7 post(s)
แล้วแต่จะคิดครับ..เป็นข้อจำกัดของที่อยู่เมื่ออยู่กันมากก็อึดอัดเรื่องจุกจิกก็ตามมาจำเป็นต้องขยายแยกออกไป แต่ไม่ใช้ไปเลยก็ต้องหมั่นกลับมาหาท่านบ้างครับ..ท่านเข้าใจแค่อดเป็นห่วงคุณไม่ได้กับหลานเท่านั้นเองครับ...อย่าคิดมากครับคุณเสียสละเพื่อส่วนรวม


ยัยม้าลาย
ความเห็นที่ 28 Posted : Friday, August 10, 2012 9:10:25 PM(UTC)
Quote
Guest

Rank: Guest

Groups: Guests
Joined: 5/6/2012(UTC)
Posts: 97,251

Was thanked: 7 time(s) in 7 post(s)
เป็นธรรมดาที่พ่อแม่ต้องรู้สึกเศร้าค่ะ ก็ลูกทั้งคนที่เคยเลี้ยงดูกันมาต้้งแต่อ้อนแต่ออก

ในความคิดเห็นของเรา เราว่าคุณไม่ผิดหรอกค่ะ ทุกชีวิตย่อมต้องมีทางเดินเป็นของตัวเอง เพียงแต่ว่าคุณต้องอย่าทิ้งพ่อแม่คุณไว้ข้างหลัง คุณต้องดูแลเอาใจใส่ท่านไม่ใช่เหมือนเดิมนะคะ ต้องมากขึ้นกว่าเดิมค่ะเพราะเราไม่ได้อยู่กับเค้าเหมือนเมื่อก่อน อีกอย่างถ้าคุณแต่งงานแล้วภรรยาคุณไม่แฮ๊ปปี้ที่จะเจอสภาพที่เป็นอยู่แบบนี้ มันจะทำให้ครอบครัวทั้งของคุณเองและทางบ้านพ่อแม่ไม่มีความสุขกันหมดเลย ลองค่อย ๆ คิดดูนะคะ


i'll be
ความเห็นที่ 29 Posted : Friday, August 10, 2012 9:37:02 PM(UTC)
Quote
Guest

Rank: Guest

Groups: Guests
Joined: 5/6/2012(UTC)
Posts: 97,251

Was thanked: 7 time(s) in 7 post(s)
ขอพื้นที่ในการระบายหน่อยนะคะ กรณีของเราก่อนแต่งมีคอนโดในเมืองืหลังแต่งต้องย้ายเข้าไปอยู่บ้านสามี
1. แม่สามี
2. อาม่า
3. ครอบครัวน้องชายเค้า (อันนี้แม่เค้าขอร้องให้กลับมาอยู่บ้านเพราะว่าไปหุ้นกับเพื่อนทำโน่นทำนี้แล้วเป็นหนี้
เดิมเค้าไปเช่าห้องอยู่กับครอบครัว แม่เค้ากลัวลูกลำบากต้องจ่ายค่าเช่าเลยชวนกลับมาอยู่ที่บ้าน)

บ้านเป็นของแม่สุดท้ายแม่ทำเป็นขายบ้านให้ลูกเพื่อกู้ธนาคารเอาเงินไปโบะหนี้บัตรเครดิต หนี้นอกระบบให้ลูกเพราะ
ดอกเบี้ยมันสูงมาก แล้วให้เค้าผ่อนธนาคารไป

สามีเราเป็นลูกคนโตต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้าน พอครอบครัวน้องเค้ามาอยู่ค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้นเพราะทางโน้นเค้าไม่ยอมออกค่าใช้จ่่ายอะไรเลย และยังไม่เคยช่วยประหยัดด้วย เปิดแอร์ตลอดจะร้อนจะหนาวจะฝนคือห้องไม่เคยเปิดหน้าต่่างเลย ห้องเค้าติดทั้งแอร์เก่าๆ(ซึ่งกินไฟมากไม่ยอมเปลี่ยนเพราะไม่ใช่คนจ่ายค่าไฟ) ติดทั้งเครื่องฟอกอากาศ พฤติกรรมเค้าคือกลับมานอนอย่างเดียว บางคืนไม่กลับ (ตอนนี้ลูกเมียเค้าย้ายไปอยู่เชียงใหม่เหลือแค่น้องชายเค้าคนเดียว)

ส่วนห้องเรากับสามี ถ้าไม่ร้อนมากก็จะไม่เปิดแอร์ เปิดประมาณอาทิตย์ละ 1-2 คืน
เราก็ไม่รู้จะพูดกับเค้ายังไงให้เค้าช่วยประหยัดหน่อย เพราะสามีไม่กล้าพูด
ส่วนเรากลับมานอนคอนโดบ้างคืนวันศุกร์ เพราะวันเสาร์ก็อยากไปเที่ยวโน่นนี่ในเมืองบ้างมันสะดวกกว่า
ไม่ต้องขับรถจากบ้านเข้าเมือง กลับอีกทีก็เย็นวันเสาร์ อย่างน้อยได้ความเป็นส่วนตัวบ้าง
แต่ก็ไม่ได้ค้างทุกศุกร์หรอกนอกจากว่าวันเสาร์ต้องมีธุระในเมืองจะได้ไม่ต้องตื่นเช้า

แต่พอเช้าวันศุกร์อ้าปากบอกแม่กับอาม่าเค้าทีไรว่าคืนนี้ไปค้างคอนโดนะ ก็ต้องโดนว่าและประชดประชันทุกทีว่า
บ้านนี้เป็นยังไงไม่มีคนอยากอยู่ หรือไม่ก็ไม่ต้องบอกหรอกรู้อยู่แล้ว

เราอึดอัดมาก คนอื่นเค้าอยากมีคอนโดในเมืองเพื่อสะดวกในการทำงานจันทร์-ศุกร์ ไม่ต้องขับรถไกล แต่เราต้องทำกลับกัน แถมค้างแค่คืนเดียวใน 7 วันยังโดนว่าอีก
ส่วนเรื่องที่จะออกไปอยู่เองนี่ไม่ต้องแม้แต่จะคิดเลย ทุกวันนี้ใช้รถกันคันเดียวต้องรอกันกลับบ้าน บางวันเราดึก บางวันแฟนดึก อีกฝ่ายก็ต้องรอ สรุปกลับถึงบ้าน 4 ทุ่มทุกวัน ไม่ได้มีเวลาแวะไปเทียวหรือกินข้าวที่ไหน

ตอนนี้ทางออกเราคือต้องยอมเอาเงินเก็บก้อนสุดท้ายของเรา มาปลูกบ้่านอีกหลัง ในรั้วเดียวกันเลย
แต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยให้อะไรดีขึ้นไหม ตอนนี้สร้างบ้านกับผรม. ปวดหัวและปัญหาเยอะมากมาย
ทุกวันนี้นั่งนับวันรอให้บ้านเสร็จเหมือนเป็นความหวังสูงสุดในชีวิตยังไงไม่รู้
แล้วคงจะขายคอนโดเพราะมีไว้ก็ไม่ได้อยู่ ตอนนี้บ้านยังไม่เสร็จเลยไม่กล้าขาย

ครอบครัวใหญ่ปัญหามากมายจริงๆคะ ถึงแม้ว่าไม่มีปัญหาหนักหนาแบบแม่ผัวลูกสะใภ้แต่มันก็ไม่ได้สบายใจจริงๆ
ทุกวันนี้สามีเราผ่อนคอนโดผ่อนรถ ค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้าน เงินแทบจะไม่พอใช้ ต้องมายืมเราทุกเดือน
กลับเป็นว่าแต่งงานแล้วเราต้องประหยัดมากขึ้น เพราะเงินสร้างบ้านเป็นเงินเราทั้งหมด เพราะสามีไม่มีเงินเก็บเลย
เพราะเงินเก็บก้อนสุดท้ายเค้าก็ใช้หนี้ OD ให้แม่เค้าไปหมด ทุกวันนี้ต้องกินข้าวบ้านกันทุกวัน กินข้าวนอกบ้าน
นับครั้งได้ ต้องประหยัดทุกทางในขณะที่น้องชายเค้ากินข้าวนอกบ้านทุกมื้อ อาม่าก็จู้จี้บ่นทั้งวัน ติได้ทุกรื่อง


Quick Reply Show Quick Reply
Users browsing this topic
Guest
3 Pages<123>
Post Reply
Forum Jump  
You can post new topics in this forum.
You can reply to topics in this forum.
You can delete your posts in this forum.
You can edit your posts in this forum.
You cannot create polls in this forum.
You can vote in polls in this forum.

Powered by YAF | YAF © 2003-2024, Yet Another Forum.NET
This page was generated in 0.330 seconds.
ลงประกาศใหม่ สมัครสมาชิกใหม่ ประกาศของฉัน ค้นหาโดยแผนที่ ติดต่อโฆษณา
Facebook  เว็บบอร์ด Mail
ประกาศตามแนวรถไฟฟ้า
BTS รถไฟฟ้า BTS
MRT รถไฟฟ้า MRT

อสังหาฯใกล้รถไฟฟ้าล่าสุด

ประกาศยอดฮิต